7 วิธีการสร้างแรงจูงใจให้พนักงาน มีกำลังใจทำงานมากขึ้น
สำหรับพนักงานออฟฟิศแล้ว เมื่อต้องทำงานเดิมๆ ซ้ำๆ กันเป็นเวลานาน อาจทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย ไม่ท้าทายในงานที่ตัวเองกำลังทำ หรือที่เรามักจะเรียกติดปากกันว่า หมดไฟ นั่นเอง
ภาวะหมดไฟนั้น มีผลเป็นอย่างมากต่อแรงจูงใจในการทำงานของพนักงาน หากปล่อยไว้นานๆ เข้าก็อาจส่งผลต่อคุณภาพของชิ้นงาน รวมไปถึงมีอัตราที่จะย้ายงาน หรือลาออกค่อนข้างมาก
มาพบกับ 7 วิธีสร้างแรงบันดาลใจ จุดไฟให้พนักงานบริษัทของคุณมี Passion ที่จะทุ่มเทกับงาน เสริมประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น!
1. จัดอบรมเพิ่มความสามารถ สร้างแรงจูงใจให้พนักงาน
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้พนักงานรู้สึกหมดไฟนั้น อาจมาจากเหตุผลที่ว่า ไม่มีอะไรใหม่ให้เรียนรู้ จึงไม่มีความท้าทายในงานที่ตัวเองกำลังทำอยู่
เพราะฉะนั้น มาส่งเสริม และการสร้างแรงจูงใจให้พนักงาน ใหม่ให้พวกเขาผ่านการอบรม หรือสัมมนา สนับสนุนให้มีทักษะที่เพิ่มขึ้นเพื่อนำมาพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงาน รวมไปถึงความก้าวหน้าในสายอาชีพของพวกเขา ยกตัวอย่างเช่น
- การอบรมภายใน หรือภายนอกองค์กร (In-house and Public Training): จัดอบรมเพื่อเพิ่มความรู้ และทักษะใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสายอาชีพ เพื่อนำมาปรับใช้ในการทำงาน
- การหมุนเวียนงาน (Job Rotation): การสับเปลี่ยน หรือโยกย้ายตำแหน่งงานของพนักงานนั้น จะช่วยให้พวกเขาได้พัฒนาตนเอง และมีทักษะที่หลากหลายมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความเบื่อหน่ายของงานที่ทำอยู่ได้อีกด้วย
2. สร้างสภาวะแวดล้อมที่ดีในการทำงาน
การสร้างแรงจูงใจให้พนักงาน สภาวะแวดล้อมโดยรอบของที่ทำงานนั้น ก็มีส่วนช่วยเป็นอย่างมากที่จะลดความเบื่อหน่าย และสร้างแรงบันดาลในการทำงานของพนักงาน ยกตัวอย่างเช่น
- อุปกรณ์ที่ตอบโจทย์การทำงาน: อย่างเช่น เก้าอี้เพื่อสุขภาพที่นั่งนานๆ ก็ไม่เมื่อย หรือคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่ดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว จะช่วยสร้างความสุขในการทำงานของพนักงานได้อย่างมากเลยทีเดียว
- การตกแต่งออฟฟิศที่ร่มรื่น: อย่างเช่น การเพิ่มต้นไม้ ก็สามารถทำให้พนักงานสามารถพักสายตาจากการทำงานไปมองบรรยากาศที่ร่มรื่นภายในออฟฟิศได้
- มุมพักผ่อนหย่อนใจ: จะดีแค่ไหนถ้าทำงานมาเหนื่อยๆ แล้วมีโซฟานุ่มๆ ให้ทิ้งตัวลงไปนั่งเล่นพักผ่อน หรืออาจเสริมด้วยการเพิ่มชั้นหนังสือ หรือเครื่องเล่นเกม ให้พนักงานได้มีมุมที่สามารถผ่อนคลายจากภาระงานที่ตัวเองถือไว้ได้
3. ปรับเวลาทำงานให้มีความยืดหยุ่น
การสร้างแรงจูงใจให้พนักงาน เพราะพนักงานแต่ละคนมีช่วงเวลาที่ Productive ไม่เหมือนกัน การให้เวลากับพวกเขามากๆ จึงจะช่วยสร้างประสิทธิภาพ และแรงบันดาลที่ดีได้มากกว่า โดยการปรับเวลาการทำงานให้มีความยืดหยุ่น ดังนี้
- เวลาการ เข้า-ออก ที่ยืดหยุ่น: อุปสรรคที่ทำให้หลายๆ คนท้อแท้กับการมาทำงาน นั่นก็คือการเดินทางในช่วงเวลาเร่งด่วนที่แออัด หากสามารถปรับเวลาการเข้า-ออกงานให้มีความยืดหยุ่นได้ จะช่วยลดความอึดอัดใจในการเดินทางมาทำงานได้เป็นอย่างมาก
- ขยายเวลาพักทานอาหาร: บางทีการพักทานอาหารแค่ 1 ชั่วโมงนั้นก็อาจจะน้อยเกินไป หากลองคำนวณดีๆ กว่าที่ร้านจะทำอาหารเสร็จ กว่าจะเดินทางไป ก็ใช้เวลานานพอสมควรแล้ว เพราะฉะนั้น หากสามารถขยายเวลาในส่วนนี้ให้พวกเขามีเวลาได้พักผ่อนก่อนทำงานบ้าง จะช่วยให้งานออกมามีประสิทธิภาพได้มากขึ้น
- วันลาหยุดที่สมเหตุสมผล: การให้พนักงานลาหยุดไปท่องเที่ยว หรือใช้เวลาของตัวเอง จะช่วยให้พวกเขาได้เติมพลัง และมีแรงที่จะกลับมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้น จะต้องไม่ลืมเตรียมวันหยุดพักร้อนให้สมเหตุสมผลกับที่พวกเขาจะได้รับ
4. ให้ความสำคัญกับชิ้นงาน หรือความพยายามมากกว่ากฏระเบียบ
หลายๆ บริษัทนั้นประเมินผลงานด้วยการทำตามระเบียบข้อบังคับ มากกว่าคุณภาพของงาน หรือความพยายามที่พนักงานได้แสดงให้เห็น ซึ่งเป็นการตัดกำลังใจของพนักงานลงเป็นอย่างมาก
มีเสียงจากพนักงานบริษัทจำนวนมากที่บอกว่าบริษัทของพวกเขานั้นมองข้ามความพยายามของพวกเขา และโฟกัสไปที่เรื่องของกฏระเบียบมากจนดูเหมือนการจับผิด เช่น กฏระเบียบในการแต่งตัว กฏระเบียบด้านการใช้โทรศัพท์มือถือในการทำงาน ฯลฯ ซึ่งหลายๆ เรื่องก็ดูเป็นกฏระเบียบเล็กน้อยที่สามารถอนุโลมได้
เพราะฉะนั้น การสร้างแรงจูงใจให้พนักงานอย่าประเมินโดยมองไปที่กฏระเบียบข้อบังคับเพียงอย่างเดียว หากพวกเขาทำผิดกฏก็สามารถว่ากล่าวตักเตือนได้ แต่อย่าให้มันมาบังความพยายามที่พวกเขาทำ และบริษัทของคุณจะเป็นที่รักของพนักงานมากทีเดียว
5. จัดกิจกรรม หรืองานเลี้ยงสังสรรค์กระชับมิตร
ใครล่ะจะไม่อยากทำงานในที่ที่มีแต่เพื่อนฝูงรายล้อม ในบางครั้งการสร้างแรงจูงใจให้พนักงานก็อาจสร้างได้จากการเข้าสังคม จึงเป็นเหตุผลที่ควรมีกิจกรรม หรืองานเลี้ยงสังสรรค์ เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ของเหล่าพนักงานในออฟฟิศเข้าด้วยกัน
การมีเพื่อนที่สามารถสนิทใจกันได้ภายในที่ทำงาน จะทำให้ไม่รู้สึกเหมือนตัวเองต้องทำงานคนเดียว และมีคนคอยหนุนหลัง คอยรับฟัง ช่วยเหลือ และแชร์ปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้ไม่หมดไฟในการทำงานง่ายๆ
6. รางวัลตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ
การสร้างแรงจูงใจให้พนักงาน แน่นอนว่าเงินเดือนนั้น เป็นเหมือนกำลังใจหล่อเลี้ยงตอบแทนความพยายามในการทำงานของพวกเขา จึงสามารถคิดได้ง่ายๆ ว่าถ้ามีรางวัลตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ พวกเขาก็ย่อมมีแรงบันดาลใจในการทำงาน เช่น การขึ้นเงินเดือนรายปี หรือโบนัสประจำปี
7. สวัสดิการที่สนับสนุนความมั่นคงในชีวิต
ความมั่นคงในชีวิตก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ว่าใครก็อยากมีในอนาคต ซึ่งการสนับสนุนจากบริษัทนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกเขามีแรงบันดาลใจในการทำงาน ยกตัวอย่างเช่น
หลายๆ คนมักที่จะมีปัญหาด้านการเก็บออมเงินไว้ แต่หากบริษัทมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่เป็นการออมเงินเอาไว้เผื่ออนาคต จะทำให้พวกเขารู้สึกอุ่นใจที่จะทำงาน โดยรู้ว่ามีเงินทุนหนุนหลังเอาไว้เป็นจำนวนหนึ่งแล้ว
โดยปกติพนักงานประจำจะมีหลักประกันคุ้มครองสุขภาพโดยประกันสังคมอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ครอบคลุมทุกกรณี รวมไปถึงการเจ็บป่วย และอุบัติเหตุนั้นเป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งเงินที่พวกเขาต้องจ่ายในแต่ละครั้งก็ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
หากมีประกันสุขภาพแบบกลุ่มที่ช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายจากการรักษาตัวที่โรงพยาบาล จะช่วยให้พนักงานเห็นว่าคุณเอาใจใส่ดูแลพวกเขาดีแค่ไหน และรู้สึกปลอดภัย อยากอยู่กับบริษัทของคุณไปอีกนาน
หากคุณคือเจ้าของบริษัทที่กำลังมองหาสวัสดิการเพื่อสุขภาพให้กับพนักงานของคุณ Cigna มีประกันสุขภาพแบบกลุ่มที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับองค์กรของคุณ
- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
- ประกันสุขภาพแบบกลุ่ม
ด้วยประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในประกันสุขภาพที่ยาวนานในหลายประเทศ Cigna พร้อมที่จะให้บริการแก่บริษัท และพนักงานของคุณด้วยมาตรฐานคุณภาพระดับโลก พร้อมมอบความคุ้มครองค่าใช้จ่ายดังตัวอย่างต่อไปนี้
- ค่ารักษาพยาบาล และค่ายา
- ค่าห้อง ค่าอาหาร
- ค่ารถพยาบาล
- ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ
- ค่าผ่าตัด
- ค่าแพทย์
นอกจากนี้ยังมีแผนความคุ้มครองเพิ่มเติมให้คุณเลือกซื้อเพิ่มเติมได้ตามความต้องการขององค์กร
หากคุณสนใจแผนประกันกลุ่มของ Cigna เพื่อความคุ้มครองที่ดียิ่งขึ้นสำหรับพนักงานในองค์กร สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ หรือติดต่อฝ่ายขายองค์กรได้ที่ THHealthSales@cigna.com
แผนประกันแนะนำ

แผนประกัน
สุขภาพมิติใหม่
ประกันสุขภาพมิติใหม่
คุ้มครองโรคกรดไหลย้อน นิ้วล็อค และเบาหวานความดัน สามารถเลือกคุ้มครองเสริมโรคร้ายตามความเสี่ยง

แผนประกันภัย
โรคร้ายแรง
"“โรคร้าย…คุ้มครองครบ”"
”คุ้มครองสูงสุด 1.8 ล้านบาท เงินชดเชยรายได้สูงสุด 1,200 บาท/วัน

แผนประกัน
อุบัติเหตุออนไลน์
"คุ้มครองคูณสาม รับกรมธรรม์ทันที"
ให้ความคุ้มครอง 3 เท่าสูงสุด 6.6 ล้านบาท พร้อมค่ารักษาสูงสุด 60,000 บาท/ครั้ง/อุบัติเหตุ